😜คุณเคยเป็นแบบนี้ไหม? ตั้งแต่เด็กจนโตเราใช้เวลาหลายสิบปีในห้องเรียน แต่พอจบมาจริงๆ ความรู้ที่เรียนมาก็ลางเลือนเหมือนจะหายไปกับสายลม และนี่คือความจริงที่หลายคนพบเจอ แอดเองก็เป็นเหมือนกัน
โรงเรียนมักสอนว่าเราต้องเรียนอะไร แต่ไม่เคยสอนว่าเราต้องเรียนยังไง...ม่ายยย😢
แต่โชคดีที่วันนี้เราเจอทางออก! นั่นก็คือการสร้าง "สมองที่สอง" (Second Brain) ที่เป็นเหมือนห้องสมุดส่วนตัวของเราเอง ที่จะช่วยให้ความรู้ที่คุณเคยเรียนมาไม่สูญเปล่าอีกต่อไป
แล้ว "สมองที่สอง" คืออะไรล่ะ?
"สมองที่สอง" ก็คือพื้นที่ส่วนตัวที่คุณสามารถเก็บทุกอย่างที่คุณสนใจ ไม่ว่าจะเป็นโน้ตที่จดไว้, บทความที่อ่านเจอ, หรือแม้แต่ไอเดียเจ๋งๆ ที่แวบเข้ามาในหัว ซึ่งถ้าเราเก็บข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ คลังความรู้ของเราก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
😀 เคล็ด(ไม่)ลับคือ รู้ก่อน ทำก่อน ห้องสมุดส่วนตัวของเราก็จะใหญ่กว่าใคร
ตอนนี้หลายคนเริ่มจะเถียงล่ะ ว่าตอนเรียนก็จดโน๊ตตลอดนะ แต่ก็ยังลืมอยู่ดี !!!
ใช่สิ...เพราะสมองไม่ได้มีไว้ให้ “จำ” แต่มีไว้ให้ “คิด” ต่างหาก
เพราะฉะนั้นเมื่อเราเรียบเรียงความคิด และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ จากสิ่งที่เราจดไว้ สมองของเราถึงจะเข้าใจและจำได้
เมื่อเราได้ เรียนอย่างตั้งใจ, เขียนอย่างเข้าใจ, และแชร์ด้วยหัวใจ เราจะไม่ลืมอีกเลยตลอดชีวิต เพราะการที่เราได้ลงมือเรียบเรียงความรู้ ขัดเกลาความคิดเพื่อนำเสนอออกมา จะช่วยให้ความรู้นั้นฝังแน่นในสมองของเรามากขึ้น
"สมองที่สอง" สร้างได้ง่ายๆ ด้วยวิธี CODE
(ไม่ต้องตกใจนะ อันนี้ไม่ได้ให้เขียนโค้ด 555)
Tiago Forte ผู้เขียนหนังสือชื่อ “Building a second brain” บอกไว้ว่าการสร้างสมองที่สองไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่ทำตามหลักการ CODE 4 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
C - Capture (เก็บ): ขั้นตอนนี้เหมือนกับการเป็นนักสะสม เราจะเก็บทุกอย่างที่สนใจเข้ามาในคลังของเราให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากหนังสือ, คลิปวิดีโอ, หรือบทความต่างๆ ซึ่งยิ่งเราเก็บเยอะเท่าไหร่ ห้องสมุดของเราก็ใหญ่ขึ้นเท่านั้น ถ้าเทียบกับการทำอาหาร ก็คือเราจะมีวัตถุดิบที่หลากหลาย
O - Organize (จัด): เมื่อเรามีของเยอะแล้ว ก็ถึงเวลาจัดระเบียบให้หยิบง่าย หาเจอไว Tiago แนะนำให้ใช้ระบบ PARA แบ่งความรู้ออกเป็น 4 หมวดหลักๆ คือ
D - Distill (กลั่น): ขั้นตอนนี้แหละที่ทำให้ความรู้เป็นของเราอย่างแท้จริง แทนที่จะแค่เก็บข้อมูล เราจะเริ่มอ่านและสรุปด้วยภาษาของเราเองให้เข้าใจง่ายที่สุด
E - Express (แสดงออก): พอเราเข้าใจความรู้นั้นอย่างถ่องแท้แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเอาไปใช้! ลองนำความรู้ที่ได้ไปเขียนบทความ, ทำวิดีโอ, หรือสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะมันจะช่วยให้เราเชื่อมโยงความรู้ที่หลากหลายเข้าด้วยกัน และพัฒนาไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่มีคุณค่าให้กับคนอื่นได้ เหมือนกับที่แอดเขียนบทความนี้ขึ้นมา
เปลี่ยนความรู้ให้เป็นพลัง
การสร้าง "สมองที่สอง" ไม่ได้เป็นแค่การจดโน้ต แต่เป็นการสร้างระบบคิดที่จะช่วยให้ความรู้ที่เราได้เรียนมาไม่สูญเปล่าอีกต่อไป แต่มันจะกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการพัฒนาตัวเอง และนำไปสู่ความสำเร็จในทุกๆ ด้านของชีวิต
แล้วถ้าพร้อมจะเปลี่ยนความรู้ที่เคยหายไปให้กลายเป็นพลังที่สร้างสรรค์ ก็ไปต่อกับเครื่องมือที่ชื่อว่า ”CODA” กันได้เลย