สวัสดีครับ ขอแนะนำตัวกันสั้นๆฟลุคนะคับ😅 ตอนนี้กำลังเรียนปริญญาโทด้าน Advanced Manufacturing System Engineering ที่ Brunel University ประเทศอังกฤษ ซึ่งสาขาที่เรียนก็ชื่อก็ตรงกับทความพอดีเลยขนลู๊กกกกก โดยในบทความนี้ ฟลุคจะพาทุกคนไปสำรวจ Basic concept ของการผลิตซึ่งก็สอดแทรกไปด้วยวิชาการนิดนึง 555+ โดยเนื้อหาหลักๆก็เอาหนังสือ Introduction to MANUFACTURING PROCESS ของอาจารย์ Mikell Groover ตำนานในสายการผลิต กราบบบบบบ โดยที่หลายคนมองว่าการผลิต คือการทำของออกมาใช้ซึ่งก็ถูกเลย555+ แต่สำหรับฟลุค มันคือศิลปะและศาสตร์ที่เปลี่ยนวัตถุดิบธรรมดาให้กลายเป็นสิ่งของที่มีมูลค่าและคุณสมบัติใหม่ได้อย่างน่าทึ่ง จริงๆก็แอบคล้าย Generalist นิดนึง Combine Skills เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่มีความหมายและมีความสุขกับตัวเองที่ในการเป็นตัวเองที่ดีขึ้นในทุกๆวันเฉียบบบบบ
Manufacturing Defined
ทีนี้มาเริ่มกันที่ความหมายก่อน การผลิต (Manufacturing) คือการ combine แรกงาน + เครื่องจักร + เครื่องมือ เพื่อเปลี่ยนวัตถุดิบ (Starting Material) ให้เป็นผลิตภัณฑ์ (Processed Part or Final Product) ที่มูลค่าสูงขึ้น
โดยอาจาร Mikell Groover แบ่งการผลิตเป็น 2 ประเภทหลักๆ
Economic Process: Key word “เพิ่มมูลค่าโดยที่คุณสมบัติ (property) ไม่เปลี่ยน” เช่น แร่เหล็ก → หลอมเป็นเส้นเหล็กไว้ใช้สร้างอาคาร Technological Process: Key word “เปลี่ยนรูปร่างหรือคุณสมบัติ” เช่น พลาสติกเม็ด → ฉีดขึ้นรูป (Injection Molding) → Case
Manufacturing Industries and Products
อุตสาหกรรมการผลิตถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ตาม International Standard Industrial Classification (ISIC) ได้แก่:
Primary Industries: Key word ธรรมชาติ เช่น เกษตรกรรม, เหมืองแร่, ป่าไม้ Secondary Industries:Key word การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น การผลิตเครื่องบิน, ยานยนต์, เครื่องใช้ไฟฟ้า Tertiary Industries: Key word การขาย Service เช่น การธนาคาร, การศึกษา, การท่องเที่ยว นอกจากนี้ เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่ผลิต (Product) ยังสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ:
Consumer Goods → ขาย Consumer (เสื้อผ้า, รถยนต์, โทรทัศน์) Capital Goods → ขายโรงงานหรือภาคอุตสหกรรม (เครื่องจักร, เครื่องมือ, แม่พิมพ์)
Manufacturing Capability
สิ่งที่บอกว่า “โรงงานนี้เก่งแค่ไหน” ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย:
ความสามารถทางเทคโนโลยีการผลิต (Technological processing capability): โรงงานทำ process อะไรได้บ้าง? (เช่น หล่อโลหะ, ฉีดพลาสติก) → คำถาม ยิ่งทำได้หลายๆต้นทุนยิ่งต่ำใช่มั้ย คำตอบ ไม่จริงเสมอไป ทีนี้ก็เลยต้องเข้ามาเป็นบทบาทของ Data ที่จะต้องมีหน้าที่ตอบคับถามนี้ ซึ่งจะก็มี model สำหรับการตัดสินนี้อยู่ซึ่งฟลุคจะไม่ลงลึก 555+ ความสามารถทางกายภาพของผลิตภัณฑ์ (Physical size and weight of products): รับชิ้นงานใหญ่-หนักได้แค่ไหน? กำลังการผลิต (Production capacity): ผลิตได้มากสุดกี่ชิ้นโดยวัดจากช่วงเวลา (week /month /year)
โดยความสัมพันธ์ระหว่าง ปริมาณการผลิต (Production Quantity) และ ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ (Product Variety) ตามที่อาจาร์ Mikell Groover จะเป็นดังนี้
ยิ่งผลิตเยอะ → ความหลากหลายของสินค้า (Variety) มักจะน้อยลง ถ้าอยากทำหลายแบบ → ปริมาณการผลิตโดยรวมก็จะลดลง โดยที่ถ้าสังเกตดีๆทุกอย่างที่พูดมาเนี่ยมันคือกระบวนการตั้งคำถามเลย 555+ เริ่มต้นที่คำถามจบที่ solution เช่น จะทำอย่างไรให้เราผลิตเยอะขึ้น?
Materials in Manufacturing
วัสดุหลักที่ใช้ในการผลิตแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ:
โลหะ (Metals): แบ่งเป็นโลหะเหล็ก (Ferrous metals) เช่น เหล็กหล่อและเหล็กกล้า และโลหะนอกกลุ่มเหล็ก (Nonferrous metals) เช่น ทองแดง, อะลูมิเนียม เซรามิกส์ (Ceramics): วัสดุอนินทรีย์ที่ไม่ใช่โลหะ เช่น ดินเหนียว, แก้ว, ซิลิกา พอลิเมอร์ (Polymers): สารประกอบอินทรีย์ที่มีโครงสร้างโมเลกุลขนาดใหญ่ แบ่งเป็น เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastics), เทอร์โมเซตติง (Thermosetting plastics), และอีลาสโตเมอร์ (Elastomers) นอกจากนี้ยังมี วัสดุผสม (Composites) ซึ่งเป็นการรวมกันของวัสดุสองชนิดขึ้นไป เช่น ไฟเบอร์กลาส และเหล็กเส้น พวกนี้ก็จะทฤษฎีนิดนึง 555+
Manufacturing Processes
ตามที่อาจารย์ Mikell Groover นั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ กระบวนการแปรรูป (Processing Operations) และ กระบวนการประกอบ (Assembly Operations) โดยฟลุคไปลอก แผนผัง (flow chart) ของอาจารย์มา555+ ตามนี้เลยเย้ แผนผัง (flow chart) Manufacturing Processes
Processing Operations
ที่นี้มาเริ่มกันที่ส่วนบนก่อนเลย Processing Operations กระบวน “การแปรรูป” ทำได้ 3 แบบ เปลี่ยนรูปร่าง, คุณสมบัติ, หรือลักษณะภายนอกของวัสดุ → ถ้าใครเคย program CAD จะเจอ Key word พวกนี้เลย Feature , Material Properties , Surface เดียวฟลุคจะมาทำเพิ่มในบทความ CAD101 โดยจะแบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ:
กระบวนการขึ้นรูป (Shaping Processes)
https://engineeringproductdesign.com/knowledge-base/manufacturing-processes/
การเปลี่ยนรูปร่างของวัตถุดิบ (ย้ำเปลี่ยนรูปร่าง) แบ่งเป็น:
Solidification Processes: การทำให้วัสดุที่อยู่ในสถานะของเหลวหรือกึ่งของเหลวแข็งตัวในแม่พิมพ์ เพื่อให้ได้รูปทรงตามต้องการ ตัวอย่างเช่น การหล่อ (Casting) โลหะ หรือ การขึ้นรูปด้วยการหลอมเหลว (Molding) เช่น การฉีดพลาสติก Particulate Processing: การนำวัสดุที่เป็นผงมาอัดให้เป็นรูปทรงและทำให้แข็งตัวด้วยความร้อน ตัวอย่างเช่น การเผาผนึก (Sintering) ที่ใช้ในการผลิตชิ้นส่วนจากผงโลหะหรือเซรามิก Deformation Processes: การใช้แรงทางกลเพื่อเปลี่ยนรูปร่างของวัสดุที่เป็นของแข็งโดยไม่แตกหัก ตัวอย่างเช่น การตีขึ้นรูป (Forging) ซึ่งเป็นการตอกหรือกดวัสดุให้เข้ารูป หรือ การรีด (Rolling) ที่ใช้ลูกกลิ้งเพื่อลดความหนาของแผ่นโลหะ Material Removal Processes: การตัดหรือเจาะวัสดุส่วนเกินออกเพื่อสร้างรูปทรงที่แม่นยำ ตัวอย่างเช่น การกลึง (Turning) ที่ใช้มีดกลึงปาดผิวชิ้นงานทรงกระบอก หรือ การกัด (Milling) ที่ใช้เครื่องมือหมุนเพื่อกัดผิวหน้าชิ้นงาน Recap "เหลว(หล่อ)-ผง-กด-ตัด"
เรียงตาม Solidification → Particulate → Deformation → Removal แต่ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร 555+
กระบวนการเพิ่มคุณสมบัติ (Property-enhancing Processes)
https://www.reliance-foundry.com/blog/heat-treatment-iron-steel?srsltid=AfmBOopMH_nJMLQnrmPSw_XeJmPkPl1Aqew5wmITw9rfd_g38fcQYv2k
เป็นการเปลี่ยนคุณสมบัติทางกายภาพของวัสดุเพื่อเพิ่มความแข็งแรงหรือความทนทาน เช่น การอบชุบความร้อน (Heat treatment)
กระบวนการปรับสภาพผิว (Surface Processing Operations): การทำความสะอาด, การเคลือบ, หรือการชุบผิววัสดุ
https://laszeray.com/finishing-manufacturing-operations-and-the-industrial-process-of-surface-finishing/
เป็นการเปลี่ยนแปลงพื้นผิวของชิ้นงานเพื่อเพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อนหรือเพิ่มความสวยงาม เช่น การเคลือบ (Coating) และ การชุบผิว (Deposition processes)
Recap (Processing Operations)
การเปลี่ยนรูปร่าง (Shaping) การเปลี่ยนรูปร่าง(Property-enhancing) ถ้าจำอะไรจำไม่ได้จำ 3 ป นี้สำคัญมากกก "รูปร่าง-คุณสมบัติ-ผิว"
Assembly Operations
การประกอบคือการรวมชิ้นส่วนหลายชิ้นเข้าด้วยกันเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์ (การประกอบร่าง555+)
แบ่งเป็น
🔗 การเชื่อมต่อถาวร (Permanent Joining) →Key word ถอดไม่ได้ เช่น การเชื่อม (Welding), การบัดกรี (Brazing/Soldering), การใช้กาว (Adhesive bonding)
🔩การเชื่อมต่อแบบถอดได้ (Mechanical Fastening) → Key wordถอดได้ เช่น: สกรู (Screw), สลักเกลียว (Bolt & Nut), หมุดย้ำ (Rivet)*
Production Machines and Tooling
มาท้ายสุดละ อาจาร Mikell Groover แก้สิ่งที่ใช้สำหรับผลิตเป็น 2 กลุ่ม
เครื่องจักร (Production Machines): เช่น เครื่องจักรกลซีเอ็นซี (CNC machines), เครื่องฉีดพลาสติก, หุ่นยนต์อุตสาหกรรม เครื่องมือ (Tooling): ใช้ร่วมกับเครื่องจักรเพื่อทำงานเฉพาะ เช่น แม่พิมพ์ (Molds), ใบมีด (Cutting tools)
📌 Super Recap
การผลิต = เปลี่ยนวัตถุดิบ → product อุตสาหกรรม = Primary / Secondary / Tertiary วัสดุ = Metals / Ceramics / Polymers / Composites Process = รูปร่าง-คุณสมบัติ-ผิว + ถอดได้ vs ถอดไม่ได้ โรงงานเก่ง = Tech + Size + Capacity Tools = Machines + Tooling ถ้าจำอะไรไม่ได้จำแค่นี้พอ 555+
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจกับบทความ Manufacturing Process 101 นี้เย้
ขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนที่มุ่งมั่นตั้งใจที่เข้ามาอ่านจนจบ อ่านจบละเข้าใจมากขึ้นเลย และที่สำคัญที่สุดคือครอบครัวที่คอยซัพพอร์ตฟลุคเสมอมา
ฟลุคหวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับการเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน (Generalist ก็มา555+ )และหวังว่าการทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานของการผลิตจะช่วยให้เราสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ไม่สิ้นสุดครับ เย้! กราบบบบบ
Reference
Groover, M. P. (2010). Fundamentals of Modern Manufacturing: Materials, Processes, and Systems. John Wiley & Sons, Inc.